Home / News & Tips / Tips / วิธีรับมือกับลิฟต์ค้าง
แนะนำ 7 วิธีรับมือกับลิฟต์ค้างทํายังไงกันบ้าง
1. ตั้งสติให้มากที่สุด
             การตั้งสติ หรือเรียกสติกลับคืนมาให้เร็วที่สุด แล้วค่อย ๆ สำรวจให้แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ลิฟต์ค้างนิ่งไม่เคลื่อนไหว หรือกำลังไหลเลื่อนลงสู่ด้านล่าง อย่าลืมว่าการเกิดลิฟต์ค้างไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใดเลย หรือหากไฟฟ้าในลิฟต์ดับก็ให้เปิดไฟจากโทรศัพท์มือถือเพื่อให้แสงสว่าง

2. ใช้โทรศัพท์มือถือให้เป็นประโยชน์
             แน่นอนว่าสื่อโซเชียลอาจจะเป็นตัวช่วยเราได้มากแน่ ๆ ในกรณีลิฟต์ค้างลองสำรวจดูว่าเราน่าจะอยู่ประมาณชั้นที่เท่าไหร่ แล้วก็พิมพ์ข้อความขอความช่วยเหลือ หรือโทรออกไป โดยพยายามดูเบอร์โทรฉุกเฉินที่แผงควบคุม โทรหาคนรู้จัก พนักงานรักษาความปลอดภัย ฯลฯ แจ้งสถานะว่าเป็นอย่างไร ประมาณว่าอยู่ชั้นไหน และภายในติดอยู่กี่คน ที่สำคัญอย่าใช้เพลินจนลืมเซฟแบตเตอรี่เผื่อไว้กรณีฉุกเฉินด้วย

3. กดปุ่มฉุกเฉิน
             ลิฟต์ส่วนใหญ่จะมีไฟสำรองฉุกเฉินส่องสว่างภายในตัวลิฟต์กรณีเกิดเหตุ รวมทั้งมีปุ่มฉุกเฉิน Emergency Call สำหรับขอความช่วยเหลือ หรือปุ่ม Talk ที่เป็นรูปโทรศัพท์เพื่อสื่อสารกับคนภายนอก ให้ลองพยายามกดปุ่มฉุกเฉินดูเป็นระยะ หรือกดปุ่มชั้นที่เราคาดว่าจะใกล้เคียงกับบริเวณชั้นที่ลิฟต์ค้าง อยู่ ให้กดซ้ำ ๆ เป็นระยะ

4. เซฟอากาศให้มากที่สุด
             ลิฟต์รุ่นใหม่ ๆ ทุกตัว มีพัดลมระบายอากาศอยู่ด้านบนหลังคาลิฟต์ เพื่อช่วยถ่ายเทอากาศในตัวลิฟต์ให้ปลอดโปร่งหมุนเวียนสะดวก หากลิฟต์ค้าง และไม่มีไฟสำรอง พัดลมระบายอากาศอาจจะหยุดทำงานได้เช่นกัน หากใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ก็ถอดออกให้เหลือเสื้อผ้าธรรมดา เพื่อช่วยระบายอากาศไม่ให้ร้อนอบอ้าว หายใจช้า ๆ ประหยัดออกซิเจน และพยายามพูดคุยกันให้น้อยที่สุด

5. อย่าพยายามนั่งหรือนอนในลิฟต์
             อย่าลืมว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะลอยลงสู่ที่ต่ำ หากลิฟต์ค้างเป็นระยะเวลานาน ๆ อย่าพยายามนั่งหรือนอนลงกับพื้นลิฟต์ เพราะนั่นจะทำให้เราสูดเอาอากาศที่ไม่บริสุทธิ์เข้าไป จนเกิดอาการหน้ามืด เวียนศีรษะ หรือเกิดอาการหายใจติดขัดได้ ทางที่ดี ควรยืนชิดผนังลิฟต์ไว้ระหว่างที่รอความช่วยเหลือ

6. อย่าทำอะไรที่เพิ่มความเสี่ยง
             ในขณะลิฟต์ค้างหากได้ทำตามขั้นตอนด้านบนแล้ว ก็เพียงแต่รอรับความช่วยเหลือจากคนด้านนอก หรือเจ้าหน้าที่ไปก่อน ไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามวู่วาม อันจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงและอันตรายมากขึ้นได้ เช่นพยายามงัดแงะประตูลิฟต์ กระโดด หรือปีนขึ้นด้านบนเพดานลิฟต์ เพราะอาจทำให้วงจรหรืออุปกรณ์อิเลคโทรนิกส์เสียหายเพิ่มเติม จนคนที่จะเข้ามาช่วยเหลือทำงานได้ยากลำบากมากขึ้น หรืออาจสร้างปัญหาอื่น ๆ ที่ไม่คาดคิดให้เกิดขึ้นได้

7. กรณีลิฟต์ไหลลงมา (แต่ยังไม่ใช่ลิฟต์ตก)
             หากเกิดกรณีลิฟต์ค้างได้เลื่อนไหลลงมา อย่าได้ตกใจ เพราะลิฟต์จะมีระบบป้องกันความปลอดภัย เป็นอุปกรณ์จับความเร็วดักไว้ หากลิฟต์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเกินกว่าระบบตั้งไว้ จะถูกล็อกให้หยุดทันที แต่หากความเร็วไหลเลื่อนลงมาไม่มาก ลิฟต์อาจลงมากระแทกพื้นด้านล่างเพียงเบา ๆ ก็จะกระแทกแบบเบา ๆ ไม่ใช่การตกแบบกระแทก เพราะลิฟต์จะมีระบบถ่วงดุลน้ำหนักถ่วง ทำให้ลิฟต์ไหลลงได้ไม่เร็วมาก แค่ตั้งสติให้มาก